top of page
AdobeStock_907270468.jpeg

Neuroplasticity

Neuroplasticity เป็นคุณสมบัติสำคัญของสมองที่ทำให้เราสามารถเรียนรู้ ปรับตัว และฟื้นฟูสมองได้ การเข้าใจและส่งเสริมกระบวนการนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพทางสมอง และยังมีบทบาทสำคัญในด้านการรักษาและการพัฒนาสมองในระยะยาว.

กระบวนการของ Neuroplasticity

  • Synaptic Plasticity:

    • การเปลี่ยนแปลงความแข็งแรงของ synapse (จุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท) ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้และความจำ

    • Long-Term Potentiation (LTP): การเพิ่มความแข็งแรงของ synapse เมื่อมีการใช้งานซ้ำ ๆ

    • Long-Term Depression (LTD): การลดความแข็งแรงของ synapse เมื่อไม่ถูกใช้งาน

  • Neurogenesis:

    • การสร้างเซลล์ประสาทใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ Hippocampus ที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้

  • Axonal Sprouting:

    • เซลล์ประสาทที่ไม่ได้รับความเสียหายสร้างกิ่งก้านใหม่เพื่อเชื่อมต่อกับเซลล์ที่เสียหาย

  • Reorganization:

    • สมองปรับเปลี่ยนเครือข่ายของเซลล์ประสาทใหม่เพื่อตอบสนองต่อการเรียนรู้หรือการฟื้นฟู

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Neuroplasticity

  • ประสบการณ์และการเรียนรู้:

    • การฝึกฝนทักษะใหม่ เช่น การเรียนภาษา การเล่นกีฬา หรือการฝึกดนตรี

  • อายุ:

    • Neuroplasticity สูงสุดในวัยเด็ก และลดลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่ยังคงเกิดขึ้นในผู้ใหญ่

  • การบาดเจ็บของสมอง:

    • สมองพยายามปรับตัวเพื่อฟื้นฟูหน้าที่ที่เสียไป

  • สารอาหารและสุขภาพสมอง:

    • การออกกำลังกาย อาหารที่มีประโยชน์ และการนอนหลับมีบทบาทสำคัญ

  • การบำบัดด้วยเทคโนโลยี:

    • การใช้ Neurofeedback, Photobiomodulation (PBM) หรือการกระตุ้นสมองด้วย(TMS)

วิธีส่งเสริม Neuroplasticity

  • การเรียนรู้: ฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ เช่น การอ่าน การเขียน การแก้ปัญหา

  • การออกกำลังกาย: ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมองและกระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาท

  • การทำสมาธิหรือโยคะ: ลดความเครียดและเพิ่มการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท

  • อาหารที่ดีต่อสมอง: อาหารที่มีกรดไขมัน Omega-3, สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักและผลไม้

  • การนอนหลับ: ช่วยฟื้นฟูเซลล์สมองและเสริมสร้างการทำงานของ synapse

  • การใช้เทคโนโลยี: การใช้ Photobiomodulation, Neurofeedback หรือการกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้าหรือแม่เหล็ก

นิวโรไลฟ์  neurolife brain solution ออทิสติก สมาธิสั้น อธิบายถึง

Neuroplasticity และการฟื้นฟูด้วย Photobiomodulation (PBM)

Neuroplasticity หรือความยืดหยุ่นของสมอง เป็นกระบวนการที่สมองสามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลง และสร้างการเชื่อมโยงใหม่ในโครงสร้างและหน้าที่ของวงจรประสาทอันเนื่องมาจากประสบการณ์ การเรียนรู้ หรือการฟื้นฟูจากความเสียหาย นวัตกรรมการบำบัดด้วยแสงหรือ Photobiomodulation (PBM) ได้กลายมาเป็นวิธีการที่มีศักยภาพสูงในการสนับสนุนกระบวนการ Neuroplasticity บทความนี้จะสำรวจความสัมพันธ์ระหว่าง Neuroplasticity และ PBM พร้อมทั้งอธิบายผลลัพธ์และการประยุกต์ใช้ในด้านการรักษา

1. Neuroplasticity คืออะไร

Neuroplasticity หมายถึงความสามารถของสมองในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและการทำงานของระบบประสาท การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในสองลักษณะ:

  • Structural Plasticity: การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของสมอง เช่น การงอกของ dendrites และการสร้าง synapses ใหม่

  • Functional Plasticity: การเปลี่ยนแปลงในวิธีที่วงจรประสาททำงาน เช่น การเปลี่ยนเส้นทางของสัญญาณประสาทเพื่อชดเชยการสูญเสียหน้าที่บางส่วน

Neuroplasticity เป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการเรียนรู้ ความจำ และการฟื้นตัวจากความเสียหายของสมอง เช่น อาการบาดเจ็บที่สมองหรือโรคหลอดเลือดสมอง

 

2. ความสำคัญของ Neuroplasticity ในการฟื้นฟู

Neuroplasticity มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูการทำงานของสมองในผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากโรคหรือการบาดเจ็บ เช่น:

  • โรคหลอดเลือดสมอง: สมองสามารถพัฒนาเส้นทางใหม่เพื่อชดเชยการสูญเสียหน้าที่

  • โรคออทิสติก: Neuroplasticity มีส่วนช่วยในการปรับปรุงการสื่อสารระหว่างวงจรประสาท

  • ภาวะสมองเสื่อม: การกระตุ้น Neuroplasticity อาจช่วยลดอัตราการเสื่อมของสมอง

การสนับสนุน Neuroplasticity ผ่านการบำบัดที่เหมาะสมจึงเป็นแนวทางสำคัญในการฟื้นฟูผู้ป่วย

 

3. Photobiomodulation (PBM) และผลกระทบต่อ Neuroplasticity

PBM เป็นการใช้แสงเลเซอร์หรือลำแสงใกล้อินฟราเรดในการกระตุ้นเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกาย โดย PBM มีผลต่อ Neuroplasticity ดังนี้:

  • การเพิ่มพลังงานในเซลล์สมอง: PBM ช่วยกระตุ้นการผลิต ATP ใน mitochondria ทำให้เซลล์สมองมีพลังงานเพียงพอสำหรับการสร้าง synapses ใหม่และการงอกของเซลล์ประสาท (Hamblin, 2016)

  • ลดการอักเสบในสมอง: แสงจาก PBM ลด cytokines ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อ Neuroplasticity

  • การกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาท: เช่น BDNF (Brain-Derived Neurotrophic Factor) ซึ่งส่งเสริมการเจริญเติบโตและการเชื่อมโยงของเซลล์ประสาท

 

4. การประยุกต์ใช้ PBM เพื่อสนับสนุน Neuroplasticity

PBM ได้รับการนำไปใช้ในด้านการรักษาต่าง ๆ เพื่อสนับสนุน Neuroplasticity ได้แก่:

  • โรคหลอดเลือดสมอง: PBM ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมองและฟื้นฟูการเชื่อมต่อในวงจรประสาทที่เสียหาย

  • โรคออทิสติก: การบำบัดด้วย PBM สามารถปรับปรุงการสื่อสารระหว่างวงจรประสาท และลดพฤติกรรมที่ผิดปกติ

  • ภาวะสมองเสื่อม: PBM ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์สมองโดยกระตุ้นการเชื่อมโยงของ synapses

  • การบาดเจ็บที่สมอง: PBM ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นตัวของสมองและส่งเสริมการงอกใหม่ของเซลล์ประสาท

 

5. กลไกการทำงานของ PBM ในการส่งเสริม Neuroplasticity

กลไกที่ทำให้ PBM ส่งผลดีต่อ Neuroplasticity ได้แก่:

  • กระตุ้น Mitochondria: PBM ช่วยเพิ่มการทำงานของ mitochondria ในเซลล์ประสาท ทำให้เกิดพลังงานที่เพียงพอสำหรับการสร้างและฟื้นฟูโครงสร้างประสาท

  • การสร้าง Synaptogenesis: PBM ส่งเสริมการงอกของ synapses ใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจของกระบวนการ Neuroplasticity

  • การเพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง: ช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ

  • การปรับสมดุลการอักเสบ: ลดการอักเสบในสมองที่อาจขัดขวางกระบวนการฟื้นฟู

 

6. ความก้าวหน้าและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

งานวิจัยเกี่ยวกับ PBM และ Neuroplasticity กำลังขยายขอบเขตอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่น่าสนใจได้แก่:

  • PBM ในการฟื้นฟูหลังโรคหลอดเลือดสมอง: งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า PBM สามารถฟื้นฟูการเชื่อมต่อในวงจรประสาทและลดผลข้างเคียงหลังโรคหลอดเลือดสมอง

  • PBM และภาวะสมองเสื่อม: การทดลองชี้ให้เห็นว่า PBM สามารถชะลอการเสื่อมของสมองในผู้ป่วยอัลไซเมอร์

  • PBM ในโรคพาร์กินสัน: PBM ช่วยปรับปรุงการทำงานของ motor circuit และลดอาการของโรค

 

บทสรุป

Neuroplasticity เป็นกระบวนการที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของสมองและการปรับตัวของวงจรประสาท การบำบัดด้วย Photobiomodulation (PBM) ได้แสดงศักยภาพในการสนับสนุนและเสริมสร้างกระบวนการนี้ ด้วยการกระตุ้นพลังงานในเซลล์ ลดการอักเสบ และส่งเสริมการสร้างการเชื่อมโยงใหม่ของเซลล์ประสาท การพัฒนาต่อเนื่องในด้าน PBM และ Neuroplasticity จะนำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในอนาคต

 

เอกสารอ้างอิง

  1. Hamblin, M. R. (2016). Shining light on the head: Photobiomodulation for brain disorders. BBA Clinical, 6, 113-124.

  2. Salehpour, F., Khademi, M., & Hamblin, M. R. (2018). Photobiomodulation therapy for multiple sclerosis: A systematic review of cellular and animal studies. Frontiers in Neurology, 9, 810.

  3. Cassano, P., Petrie, S. R., Mischoulon, D., et al. (2016). Review of transcranial photobiomodulation for major depressive disorder: Targeting brain metabolism, inflammation, oxidative stress, and neurogenesis. Frontiers in Psychiatry, 7, 183.

  4. Naeser, M. A., Saltmarche, A., Krengel, M. H., et al. (2011). Improved cognitive function after transcranial, light-emitting diode treatments in chronic, traumatic brain injury: Two case reports. Photomedicine and Laser Surgery, 29(5), 351-358.

bottom of page