top of page

เคยไหม? เรียนไม่เข้าใจ ง่วงนอนเวลาเรียน ไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือสอบ: อาการสมาธิสั้นในมุมที่ไม่เคยพูดถึง

รูปภาพนักเขียน: Nutdanai ChaiworachatNutdanai Chaiworachat

บทนำ

เคยไหมที่คุณรู้สึกว่าไม่สามารถจดจ่อกับการเรียนหรือการอ่านหนังสือได้? ทั้ง ๆ ที่พยายามเต็มที่แล้ว แต่เนื้อหาก็ยังไม่เข้าหัว บางครั้งกลับรู้สึกง่วงนอนอย่างไม่น่าเชื่อเวลาเรียน อาการเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของชีวิตการเรียน แต่ในความจริงแล้ว อาจเป็นสัญญาณของ สมาธิสั้น (ADHD: Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder) ในรูปแบบที่ไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อนในอดีต

สมาธิสั้นที่ไม่ได้มีแค่เด็กซุกซน


ในสมัยก่อน อาการสมาธิสั้นมักถูกพูดถึงในบริบทของเด็กที่ซุกซนหรือมีพฤติกรรมที่ยากต่อการควบคุม แต่ในปัจจุบัน พบว่าอาการสมาธิสั้นมีรูปแบบที่ซับซ้อนกว่านั้น โดยเฉพาะในวัยเรียนและวัยผู้ใหญ่ที่อาจแสดงออกมาในลักษณะดังนี้:

  1. เรียนไม่เข้าใจ ไม่เข้าหัว

    • ไม่สามารถจดจ่อกับบทเรียนได้แม้จะพยายามแล้ว

    • ขาดความสามารถในการจัดระเบียบข้อมูลที่เรียนรู้ ทำให้ไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  2. ง่วงนอนเวลาเรียน แม้นอนเต็มอิ่ม

    • สมองที่ต้องการความกระตุ้นอยู่ตลอดเวลาอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าหรือง่วงนอนในสถานการณ์ที่ต้องจดจ่อ แม้ว่าจะนอนหลับเต็มที่แล้วก็ตาม

    • ความผิดปกติของระบบประสาท เช่น ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทโดปามีน (Dopamine) มีส่วนทำให้เกิดอาการนี้

    • อาจเป็นผลจากปัญหาด้านคุณภาพการนอนหลับ เช่น การนอนที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่มองไม่เห็นชัดเจน

  3. ไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือเพื่อสอบ

    • เมื่อพยายามอ่านหนังสือ แต่ความคิดกลับหลุดลอยไปยังเรื่องอื่น

    • ขาดการวางแผนและความสามารถในการจัดการเวลา ทำให้อ่านหนังสือได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ


ความเชื่อมโยงระหว่างสมาธิสั้นกับการเรียนรู้

  1. สมองส่วน Prefrontal Cortex

    • สมองส่วนนี้มีบทบาทสำคัญในกระบวนการวางแผนและการควบคุมความสนใจ ในคนที่มีสมาธิสั้น การทำงานของสมองส่วนนี้มักลดลง ส่งผลต่อการเรียนรู้และการจดจำข้อมูล (Arnsten, 2009).

  2. ความบกพร่องของระบบประสาท

    • สารสื่อประสาทอย่างโดปามีนและนอร์อิพิเนฟรินที่ไม่สมดุลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความสนใจและอารมณ์

  3. ความเครียดและแรงกดดัน

    • ความพยายามในการจดจ่อและผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายอาจทำให้เกิดความเครียด ซึ่งส่งผลให้สมองทำงานได้แย่ลง

วิธีจัดการกับอาการสมาธิสั้นในชีวิตประจำวัน

  1. เทคนิคการจัดการเวลา

    • ใช้ตารางเวลาและกำหนดเป้าหมายรายวันเพื่อสร้างโครงสร้างที่ชัดเจนในการเรียน

  2. การบำบัดด้วย Neurofeedback

    • Neurofeedback ช่วยปรับปรุงการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมาธิและการควบคุมตนเอง (Monastra et al., 2005).

  3. การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียน

    • ลดสิ่งรบกวน เช่น ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ หรือหาสถานที่เงียบสงบในการอ่านหนังสือ

  4. การออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพจิต

    • การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาท เช่น โดปามีน ซึ่งมีผลดีต่อการเพิ่มสมาธิ

  5. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

    • หากอาการสมาธิสั้นรุนแรงจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

บทสรุป

อาการเรียนไม่เข้าใจ ง่วงนอนเวลาเรียน และไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสืออาจเป็นมากกว่าแค่ความเหนื่อยล้าหรือความเครียดชั่วคราว หากปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต การพิจารณาว่าอาจเกี่ยวข้องกับสมาธิสั้นจะช่วยให้สามารถหาวิธีจัดการที่เหมาะสมได้ การตระหนักถึงอาการสมาธิสั้นในรูปแบบที่ไม่เคยถูกพูดถึงในอดีตคือก้าวแรกสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน


อ้างอิง

  • Arnsten, A. F. (2009). The emerging neurobiology of attention deficit hyperactivity disorder: The key role of the prefrontal association cortex. Journal of Pediatrics, 154(5), I22-I32.

  • Monastra, V. J., Monastra, D. M., & George, S. (2005). The effects of stimulant therapy, EEG biofeedback, and parenting style on the primary symptoms of attention-deficit/hyperactivity disorder. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 27(4), 231-249.



ดู 0 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentários

Avaliado com 0 de 5 estrelas.
Ainda sem avaliações

Adicione uma avaliação
bottom of page