top of page

สมาธิสั้น: สาเหตุของอาการเรียนไม่เก่งในเด็กวัยเรียน

รูปภาพนักเขียน: Nutdanai ChaiworachatNutdanai Chaiworachat

บทนำ

สมาธิสั้น หรือ ADHD (Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder) เป็นความผิดปกติทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็กวัยเรียน เด็กที่มีสมาธิสั้นมักประสบปัญหาในการจดจ่อ การจัดการเวลา และการควบคุมพฤติกรรม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเรียนและความสำเร็จทางการศึกษาอย่างชัดเจน

อาการสมาธิสั้นที่ส่งผลต่อการเรียน

  1. การขาดสมาธิ (Inattention)

    • เด็กที่มีอาการสมาธิสั้นมักไม่สามารถจดจ่อกับงานที่ต้องทำได้นาน เช่น การอ่านหนังสือหรือการทำการบ้าน

    • มีแนวโน้มที่จะลืมงานหรือคำสั่งในชั้นเรียน

  2. ความหุนหันพลันแล่น (Impulsivity)

    • แสดงพฤติกรรมขัดจังหวะ เช่น พูดแทรกขณะครูสอน หรือไม่รอคอยคิวของตัวเอง

    • การตัดสินใจโดยไม่คิดอย่างรอบคอบ อาจส่งผลให้ทำผิดพลาดในการเรียน

  3. อาการอยู่ไม่สุข (Hyperactivity)

    • เด็กอาจลุกเดินหรือเล่นในสถานการณ์ที่ควรนั่งนิ่ง เช่น ในชั้นเรียน

    • แสดงพฤติกรรมที่ทำให้เสียสมาธิทั้งตนเองและเพื่อนร่วมชั้น

ความสัมพันธ์ระหว่างสมาธิสั้นและการเรียนไม่เก่ง

  1. ผลกระทบต่อการทำงานของสมองส่วน Prefrontal Cortex

    • สมองส่วน Prefrontal Cortex มีบทบาทสำคัญในการวางแผน การควบคุมตนเอง และการตัดสินใจ เด็กที่มีสมาธิสั้นมักมีการทำงานของสมองส่วนนี้บกพร่อง ส่งผลให้ไม่สามารถจัดลำดับงานหรือโฟกัสกับการเรียนได้ (Arnsten, 2009).

  2. ความบกพร่องในการทำงานของระบบความจำระยะสั้น (Working Memory)

    • เด็กสมาธิสั้นมักมีความจำระยะสั้นที่จำกัด ทำให้ไม่สามารถจดจำคำสั่งหรือข้อมูลสำคัญจากการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  3. ผลกระทบทางอารมณ์และพฤติกรรม

    • ความยากลำบากในการควบคุมอารมณ์ เช่น ความหงุดหงิดหรือความวิตกกังวล อาจทำให้เด็กปฏิเสธการเรียนหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายาม

  4. ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมในชั้นเรียน

    • เด็กสมาธิสั้นมักถูกมองว่า "สร้างปัญหา" ในชั้นเรียน ทำให้เกิดความสัมพันธ์เชิงลบกับครูและเพื่อน ซึ่งส่งผลต่อแรงจูงใจในการเรียน

แนวทางการช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้น

  1. การใช้เทคนิคการจัดการพฤติกรรม (Behavioral Management)

    • การสร้างตารางเวลาและเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อช่วยเด็กจัดการเวลาและงาน

    • การใช้ระบบรางวัลและคำชมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสม

  2. การสนับสนุนในชั้นเรียน

    • การปรับวิธีการสอน เช่น การแบ่งงานออกเป็นส่วนย่อย ๆ หรือการใช้สื่อการเรียนที่ดึงดูดความสนใจ

    • การจัดที่นั่งในตำแหน่งที่ลดสิ่งรบกวน เช่น หน้าแถวในชั้นเรียน

  3. การบำบัดด้วย Neurofeedback

    • Neurofeedback ช่วยปรับสมดุลการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในส่วน Prefrontal Cortex และส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำระยะสั้นและสมาธิ (Monastra et al., 2005).

    • Brain map จาก Neurofeedback ช่วยระบุจุดที่สมองทำงานผิดปกติและปรับปรุงการทำงานได้อย่างมีเป้าหมาย

  4. การใช้ยา

    • ยาที่กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เช่น Methylphenidate สามารถช่วยเพิ่มสมาธิและลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นในเด็กสมาธิสั้นได้

บทสรุป

สมาธิสั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเรียนไม่เก่งในเด็กวัยเรียน เนื่องจากมีผลต่อความสามารถในการจดจ่อ การจัดการเวลา และการควบคุมพฤติกรรม การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสมาธิสั้นและผลกระทบทางการเรียน ช่วยให้ผู้ปกครองและครูสามารถปรับวิธีการสอนและสนับสนุนเด็กได้อย่างเหมาะสม เทคโนโลยีเช่น Neurofeedback และการบำบัดพฤติกรรมเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงในการช่วยพัฒนาเด็กสมาธิสั้นให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


อ้างอิง

  • Arnsten, A. F. (2009). The emerging neurobiology of attention deficit hyperactivity disorder: The key role of the prefrontal association cortex. Journal of Pediatrics, 154(5), I22-I32.

  • Monastra, V. J., Monastra, D. M., & George, S. (2005). The effects of stimulant therapy, EEG biofeedback, and parenting style on the primary symptoms of attention-deficit/hyperactivity disorder. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 27(4), 231-249.

  • Barkley, R. A. (2015). Attention-deficit hyperactivity disorder: A handbook for diagnosis and treatment. Guilford Publications.



ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page