top of page

คลื่นสมองอัลฟ่า, Default Mode Network และออทิสติก: มุมมองทางประสาทวิทยาศาสตร์

รูปภาพนักเขียน: Nutdanai ChaiworachatNutdanai Chaiworachat

บทนำ ออทิสติก (Autism Spectrum Disorder: ASD) เป็นภาวะพัฒนาการทางระบบประสาทที่ซับซ้อน มีลักษณะเด่นคือความท้าทายในการสื่อสารทางสังคม ความสนใจที่จำกัด และพฤติกรรมซ้ำ ๆ การทำความเข้าใจกลไกทางประสาทวิทยาที่อยู่เบื้องหลังมีความสำคัญต่อการพัฒนาวิธีการบำบัดที่มีประสิทธิภาพ ในบรรดากลไกเหล่านี้ การเชื่อมโยงระหว่างคลื่นสมองอัลฟ่า (Alpha Brain Waves) และ Default Mode Network (DMN) ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ บทความนี้จะสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นสมองอัลฟ่า การทำงานของ DMN และออทิสติก โดยเน้นที่กลไกทางประสาทและผลกระทบที่เกี่ยวข้อง


คลื่นสมองอัลฟ่า: ตัวควบคุมกิจกรรมของสมอง คลื่นสมองอัลฟ่า (8-12 Hz) เกี่ยวข้องกับสภาวะที่สมองผ่อนคลายและมีบทบาทสำคัญในการยับยั้งสิ่งเร้าและควบคุมการทำงานทางปัญญา

  • บทบาททางประสาทวิทยา: คลื่นอัลฟ่ามีหน้าที่ในการยับยั้งข้อมูลประสาทสัมผัสที่ไม่เกี่ยวข้อง ช่วยให้สมองสามารถมุ่งเน้นที่สิ่งเร้าที่สำคัญ กลไกนี้จำเป็นสำหรับการให้ความสนใจและพฤติกรรมที่ปรับตัวได้

  • ASD และกิจกรรมคลื่นอัลฟ่า: งานวิจัยพบว่าคลื่นอัลฟ่าในบุคคลที่มีภาวะออทิสติกมีการเปลี่ยนแปลง เช่น การลดกำลังคลื่นอัลฟ่าระหว่างการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ทางสังคมหรือการประมวลผลข้อมูลประสาทสัมผัส (Oberman et al., 2005) ความผิดปกตินี้อาจส่งผลต่อการรับรู้ประสาทสัมผัสที่ไวและความยากลำบากในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม


Default Mode Network: ศูนย์กลางของความคิดเกี่ยวกับตนเอง Default Mode Network (DMN) เป็นเครือข่ายสมองที่เชื่อมโยงระหว่างบริเวณสมอง เช่น prefrontal cortex, posterior cingulate cortex และ angular gyrus โดยมีบทบาทสำคัญในสภาวะพัก เช่น การคิดเกี่ยวกับตนเองและการรับรู้ทางสังคม

  • DMN ในบุคคลทั่วไป: ในบุคคลที่มีพัฒนาการปกติ DMN จะหยุดการทำงานในระหว่างกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิและโฟกัสไปที่งานเฉพาะ ซึ่งช่วยสนับสนุนการทำงานทางปัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • DMN ใน ASD: งานวิจัยพบว่าบุคคลที่มีภาวะออทิสติกมีการเชื่อมต่อ DMN ที่ผิดปกติ ทั้งการเชื่อมต่อที่ลดลง (hypoconnectivity) และเพิ่มขึ้น (hyperconnectivity) (Uddin et al., 2013) การเชื่อมต่อที่ลดลงอาจส่งผลให้การรวมข้อมูลระหว่างพื้นที่ใน DMN มีประสิทธิภาพลดลง ส่งผลต่อการตระหนักรู้เกี่ยวกับตนเองและการรับรู้ทางสังคม ส่วนการเชื่อมต่อที่มากเกินไปอาจนำไปสู่การคิดวนเวียนหรือความยากลำบากในการเปลี่ยนสถานะทางจิตใจ


ความเชื่อมโยงระหว่างคลื่นอัลฟ่าและ DMN ใน ASD คลื่นสมองอัลฟ่าและกิจกรรมของ DMN มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง คลื่นอัลฟ่ามีบทบาทในการควบคุมการทำงานของ DMN โดยการยับยั้งและสร้างความสอดคล้องในสมอง

  1. การยับยั้งในสมองที่ผิดปกติ: ใน ASD การลดลงของคลื่นอัลฟ่าอาจทำให้สมองไม่สามารถยับยั้งข้อมูลประสาทที่ไม่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการทำงานของ DMN

  2. การประสานงานของคลื่นสมองที่ผิดปกติ: คลื่นอัลฟ่าที่ผิดปกติอาจทำให้การทำงานของ DMN ไม่สอดคล้องกัน ซึ่งนำไปสู่ความยากลำบากในการรับรู้ทางสังคมและการคิดที่ยืดหยุ่นใน ASD


แนวทางการบำบัดที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท การบำบัดที่มุ่งเป้าการทำงานของคลื่นอัลฟ่าและการเชื่อมต่อของ DMN มีศักยภาพในการพัฒนาผลลัพธ์ด้านการรับรู้และสังคมใน ASD

  • การฝึก Neurofeedback: เทคนิคนี้ช่วยฝึกบุคคลให้ควบคุมกิจกรรมคลื่นอัลฟ่า ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความสามารถในการยับยั้งสิ่งเร้าและความสนใจ งานวิจัยพบว่าการฝึก Neurofeedback ช่วยปรับปรุงพฤติกรรมทางสังคมและการประมวลผลประสาทสัมผัสใน ASD (Coben et al., 2010)

  • Photobiomodulation (PBM): PBM ใช้แสงในระดับต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนกิจกรรมของสมอง งานวิจัยเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า PBM สามารถเพิ่มการเชื่อมต่อของ DMN และปรับคลื่นอัลฟ่าให้เหมาะสม เป็นทางเลือกการบำบัดที่ไม่รุกราน (Barrett & Gonzalez-Lima, 2013)


สรุป ความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นสมองอัลฟ่า, DMN และ ASD สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของกลไกทางประสาทที่อยู่เบื้องหลังภาวะนี้ ความผิดปกติในคลื่นอัลฟ่าและการเชื่อมต่อของ DMN มีบทบาทสำคัญต่ออาการหลักของ ASD รวมถึงความยากลำบากทางสังคมและการรับรู้ การพัฒนาเทคนิคการถ่ายภาพและการกระตุ้นสมองช่วยเปิดโอกาสสำหรับการบำบัดเฉพาะบุคคลที่มุ่งเป้าไปที่กลไกทางประสาทเหล่านี้


เอกสารอ้างอิง

  • Barrett, D. W., & Gonzalez-Lima, F. (2013). Transcranial infrared laser stimulation produces beneficial cognitive and emotional effects in humans. Neuroscience, 230, 13–23.

  • Coben, R., Linden, M., & Myers, T. E. (2010). Neurofeedback for autistic spectrum disorder: A review of the literature. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 35(1), 83–90.

  • Oberman, L. M., et al. (2005). EEG evidence for mirror neuron dysfunction in autism spectrum disorders. Cognitive Brain Research, 24(2), 190–198.

  • Uddin, L. Q., Supekar, K., & Menon, V. (2013). Reconceptualizing functional brain connectivity in autism from a developmental perspective. Frontiers in Human Neuroscience, 7, 458.

  • Oberman, L. M., et al. (2016). Transcranial magnetic stimulation in autism spectrum disorder: Challenges, promise, and roadmap for future research. Autism Research, 9(2), 184–203.



ดู 0 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page