บทนำ
Quantitative Electroencephalography (QEEG) เป็นเทคนิคที่ใช้วัดและวิเคราะห์สัญญาณไฟฟ้าสมอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการศึกษาการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่มีภาวะออทิสติก (Autism Spectrum Disorder: ASD) การวิเคราะห์ QEEG ประกอบด้วยหลากหลายเครื่องมือ เช่น Power Ratio, Band Power Topomap และ Power Spectrum ซึ่งช่วยให้เข้าใจรูปแบบการทำงานของสมองอย่างละเอียด และอาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีการบำบัดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Power Ratio
Power Ratio เป็นการวัดอัตราส่วนของกำลังไฟฟ้าในย่านความถี่ต่าง ๆ (เช่น Theta/Alpha, Theta/Beta) ซึ่งสามารถสะท้อนถึงความสมดุลของสมองในด้านต่าง ๆ:
Theta/Beta Ratio: มักใช้ในการประเมินสมาธิและความตื่นตัว โดยค่า Theta/Beta ที่สูงในเด็กออทิสติกอาจบ่งชี้ถึงปัญหาด้านการประมวลผลข้อมูลและสมาธิ
Delta/Alpha Ratio: ใช้ตรวจสอบความสมดุลของสมองในภาวะพักผ่อน ค่า Delta ที่สูงอาจเกี่ยวข้องกับความล่าช้าในการพัฒนาสมอง
งานวิจัยบางชิ้นพบว่าเด็กออทิสติกมีค่า Theta/Beta Ratio สูงกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งอาจสัมพันธ์กับความผิดปกติในสมองส่วนหน้า (frontal lobe) ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและการควบคุมพฤติกรรม (Boys et al., 2020).
Band Power Topomap
Band Power Topomap เป็นแผนภาพที่แสดงการกระจายของกำลังไฟฟ้าในย่านความถี่ต่าง ๆ (Delta, Theta, Alpha, Beta, Gamma) บนแผนที่สมอง (brain map) ช่วยให้เห็นการกระจายตัวของคลื่นสมองในพื้นที่ต่าง ๆ:
Delta Band: มักเด่นในสมองของเด็กออทิสติกที่มีการพัฒนาล่าช้า
Alpha Band: สัมพันธ์กับการผ่อนคลายและการประมวลผลข้อมูล เด็กออทิสติกอาจมีความผิดปกติใน Alpha Band โดยเฉพาะบริเวณสมองส่วนกลาง (parietal lobe)
Beta Band: เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวและความวิตกกังวล เด็กออทิสติกบางรายอาจมี Beta Band สูงผิดปกติในบางพื้นที่
การวิเคราะห์ Band Power Topomap ช่วยให้นักวิจัยสามารถระบุพื้นที่สมองที่ต้องการการบำบัดเฉพาะจุด เช่น การใช้ Neurofeedback หรือการกระตุ้นด้วย Photobiomodulation (Cantor et al., 2018).
Power Spectrum
Power Spectrum เป็นการวิเคราะห์สัญญาณ EEG ในเชิงความถี่เพื่อวัดกำลังไฟฟ้าในแต่ละช่วงความถี่:
Low-Frequency Bands (Delta, Theta): มักเกี่ยวข้องกับการประมวลผลภายในและการพัฒนาสมอง
High-Frequency Bands (Beta, Gamma): เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวและกระบวนการคิดที่ซับซ้อน
ในเด็กออทิสติก งานวิจัยพบว่า Power Spectrum ของคลื่น Theta และ Delta อาจเพิ่มขึ้น ในขณะที่คลื่น Alpha และ Beta ลดลงในบางพื้นที่ เช่น สมองส่วนหน้าและสมองส่วนกลาง (Wang et al., 2019). การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสะท้อนถึงความไม่สมดุลของวงจรประสาท (neural circuitry) ที่สัมพันธ์กับปัญหาการสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม.
การประยุกต์ใช้
การวิเคราะห์ QEEG ผ่าน Power Ratio, Band Power Topomap และ Power Spectrum มีบทบาทสำคัญในการ:
วินิจฉัยและประเมินสมอง: ช่วยแยกแยะเด็กออทิสติกจากเด็กทั่วไป และวัดความผิดปกติในระดับบุคคล
การออกแบบแผนบำบัด: สนับสนุนการพัฒนาวิธีการบำบัด เช่น Neurofeedback, การใช้ยาหรือเทคนิคการบำบัดอื่น ๆ
ติดตามผลการบำบัด: วัดการเปลี่ยนแปลงในสมองหลังการบำบัด เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
ข้อสรุป
Power Ratio, Band Power Topomap และ Power Spectrum เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ QEEG สำหรับเด็กออทิสติก ช่วยให้เข้าใจรูปแบบการทำงานของสมองที่ผิดปกติและพัฒนาวิธีการบำบัดที่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ร่วมกับการวินิจฉัยทางคลินิก สามารถเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือเด็กออทิสติกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต
อ้างอิง
Boys, C., Hermens, D. F., & Hickie, I. B. (2020). Neurobiological underpinnings of autism spectrum disorder: Insights from QEEG studies. Journal of Autism and Developmental Disorders, 50(2), 345–360.
Cantor, D. S., Evans, J. R., & Sterman, M. B. (2018). Quantitative EEG and Neurofeedback. Academic Press.
Wang, Y., Qian, Y., & He, H. (2019). Power spectrum and coherence analysis of EEG signals in children with autism spectrum disorder. Neuroscience Letters, 698, 45–51.


ตัวอย่างวิเคราะห์ผลจากภาพที่แสดง วิเคราะห์ผล QEEG และ Topomap:
Theta/Beta Ratio (TBR):
ก่อนทำ PBM (การวัดครั้งที่ 1): พบค่า TBR สูงในบางพื้นที่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับอาการสมาธิสั้นหรือปัญหาด้านการจดจ่อ
หลังทำ PBM (การวัดครั้งที่ 2 และ 3): ค่า TBR ลดลงในหลายพื้นที่ แสดงถึงการปรับปรุงในด้านสมาธิและการควบคุมการประมวลผล
Theta/Alpha Ratio (TAR):
ก่อนทำ PBM: ค่า TAR ที่ไม่สมดุลในสมองส่วนกลางอาจสะท้อนถึงความล่าช้าในการประมวลผลข้อมูล
หลังทำ PBM: ค่า TAR เริ่มเข้าสู่สมดุลมากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการพัฒนาความสามารถในการจดจ่อและการผ่อนคลาย
Delta/Alpha Ratio (DAR):
ก่อนทำ PBM: พบค่า DAR สูงในบางพื้นที่ ซึ่งอาจสัมพันธ์กับความล่าช้าด้านการพัฒนาการเรียนรู้
หลังทำ PBM: ค่า DAR ลดลง แสดงถึงการปรับปรุงการประมวลผลข้อมูลและความตื่นตัวของสมอง
Topomap (Relative Power):
Delta และ Theta Bands: การลดลงของ Delta และ Theta หลังทำ PBM ชี้ให้เห็นถึงการลดลงของความเฉื่อยชาหรือการผ่อนคลายเกินไปในสมอง
Alpha Bands: การเพิ่มขึ้นของ Alpha Band ในการวัดครั้งที่ 2 และ 3 สะท้อนถึงการเพิ่มความสามารถในการผ่อนคลายและการประมวลผลข้อมูลเชิงบวก
Beta Bands: การเพิ่มขึ้นของ Beta Bands (โดยเฉพาะ Beta2 และ Beta3) บ่งชี้ถึงความตื่นตัวและการจดจ่อที่เพิ่มขึ้นหลังการบำบัด
Gamma Bands: การปรับปรุงใน Gamma Bands แสดงถึงการพัฒนาด้านการเชื่อมโยงข้อมูลและการคิดเชิงลึก
สรุปผล
การทำ Photobiomodulation (PBM) มีผลเชิงบวกต่อการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในด้านการปรับสมดุลของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับสมาธิ ความจดจ่อ และการประมวลผลข้อมูล
Comments