top of page

การวิเคราะห์ QEEG ในเด็กออทิสติก: Power Ratio, Band Power Topomap, และ Power Spectrum เพื่อแก้ปัญหาทางประสาทวิทยา

รูปภาพนักเขียน: Nutdanai ChaiworachatNutdanai Chaiworachat

บทนำ

Quantitative Electroencephalography (QEEG) เป็นเทคนิคที่ใช้วัดและวิเคราะห์สัญญาณไฟฟ้าสมอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการศึกษาการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่มีภาวะออทิสติก (Autism Spectrum Disorder: ASD) การวิเคราะห์ QEEG ประกอบด้วยหลากหลายเครื่องมือ เช่น Power Ratio, Band Power Topomap และ Power Spectrum ซึ่งช่วยให้เข้าใจรูปแบบการทำงานของสมองอย่างละเอียด และอาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีการบำบัดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น


Power Ratio

Power Ratio เป็นการวัดอัตราส่วนของกำลังไฟฟ้าในย่านความถี่ต่าง ๆ (เช่น Theta/Alpha, Theta/Beta) ซึ่งสามารถสะท้อนถึงความสมดุลของสมองในด้านต่าง ๆ:

  • Theta/Beta Ratio: มักใช้ในการประเมินสมาธิและความตื่นตัว โดยค่า Theta/Beta ที่สูงในเด็กออทิสติกอาจบ่งชี้ถึงปัญหาด้านการประมวลผลข้อมูลและสมาธิ

  • Delta/Alpha Ratio: ใช้ตรวจสอบความสมดุลของสมองในภาวะพักผ่อน ค่า Delta ที่สูงอาจเกี่ยวข้องกับความล่าช้าในการพัฒนาสมอง

งานวิจัยบางชิ้นพบว่าเด็กออทิสติกมีค่า Theta/Beta Ratio สูงกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งอาจสัมพันธ์กับความผิดปกติในสมองส่วนหน้า (frontal lobe) ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและการควบคุมพฤติกรรม (Boys et al., 2020).


Band Power Topomap

Band Power Topomap เป็นแผนภาพที่แสดงการกระจายของกำลังไฟฟ้าในย่านความถี่ต่าง ๆ (Delta, Theta, Alpha, Beta, Gamma) บนแผนที่สมอง (brain map) ช่วยให้เห็นการกระจายตัวของคลื่นสมองในพื้นที่ต่าง ๆ:

  • Delta Band: มักเด่นในสมองของเด็กออทิสติกที่มีการพัฒนาล่าช้า

  • Alpha Band: สัมพันธ์กับการผ่อนคลายและการประมวลผลข้อมูล เด็กออทิสติกอาจมีความผิดปกติใน Alpha Band โดยเฉพาะบริเวณสมองส่วนกลาง (parietal lobe)

  • Beta Band: เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวและความวิตกกังวล เด็กออทิสติกบางรายอาจมี Beta Band สูงผิดปกติในบางพื้นที่

การวิเคราะห์ Band Power Topomap ช่วยให้นักวิจัยสามารถระบุพื้นที่สมองที่ต้องการการบำบัดเฉพาะจุด เช่น การใช้ Neurofeedback หรือการกระตุ้นด้วย Photobiomodulation (Cantor et al., 2018).


Power Spectrum

Power Spectrum เป็นการวิเคราะห์สัญญาณ EEG ในเชิงความถี่เพื่อวัดกำลังไฟฟ้าในแต่ละช่วงความถี่:

  • Low-Frequency Bands (Delta, Theta): มักเกี่ยวข้องกับการประมวลผลภายในและการพัฒนาสมอง

  • High-Frequency Bands (Beta, Gamma): เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวและกระบวนการคิดที่ซับซ้อน

ในเด็กออทิสติก งานวิจัยพบว่า Power Spectrum ของคลื่น Theta และ Delta อาจเพิ่มขึ้น ในขณะที่คลื่น Alpha และ Beta ลดลงในบางพื้นที่ เช่น สมองส่วนหน้าและสมองส่วนกลาง (Wang et al., 2019). การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสะท้อนถึงความไม่สมดุลของวงจรประสาท (neural circuitry) ที่สัมพันธ์กับปัญหาการสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม.


การประยุกต์ใช้

การวิเคราะห์ QEEG ผ่าน Power Ratio, Band Power Topomap และ Power Spectrum มีบทบาทสำคัญในการ:

  1. วินิจฉัยและประเมินสมอง: ช่วยแยกแยะเด็กออทิสติกจากเด็กทั่วไป และวัดความผิดปกติในระดับบุคคล

  2. การออกแบบแผนบำบัด: สนับสนุนการพัฒนาวิธีการบำบัด เช่น Neurofeedback, การใช้ยาหรือเทคนิคการบำบัดอื่น ๆ

  3. ติดตามผลการบำบัด: วัดการเปลี่ยนแปลงในสมองหลังการบำบัด เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ


ข้อสรุป

Power Ratio, Band Power Topomap และ Power Spectrum เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ QEEG สำหรับเด็กออทิสติก ช่วยให้เข้าใจรูปแบบการทำงานของสมองที่ผิดปกติและพัฒนาวิธีการบำบัดที่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ร่วมกับการวินิจฉัยทางคลินิก สามารถเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือเด็กออทิสติกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต

อ้างอิง

  • Boys, C., Hermens, D. F., & Hickie, I. B. (2020). Neurobiological underpinnings of autism spectrum disorder: Insights from QEEG studies. Journal of Autism and Developmental Disorders, 50(2), 345–360.

  • Cantor, D. S., Evans, J. R., & Sterman, M. B. (2018). Quantitative EEG and Neurofeedback. Academic Press.

  • Wang, Y., Qian, Y., & He, H. (2019). Power spectrum and coherence analysis of EEG signals in children with autism spectrum disorder. Neuroscience Letters, 698, 45–51.



ตัวอย่างวิเคราะห์ผลจากภาพที่แสดง วิเคราะห์ผล QEEG และ Topomap:

  1. Theta/Beta Ratio (TBR):

    • ก่อนทำ PBM (การวัดครั้งที่ 1): พบค่า TBR สูงในบางพื้นที่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับอาการสมาธิสั้นหรือปัญหาด้านการจดจ่อ

    • หลังทำ PBM (การวัดครั้งที่ 2 และ 3): ค่า TBR ลดลงในหลายพื้นที่ แสดงถึงการปรับปรุงในด้านสมาธิและการควบคุมการประมวลผล

  2. Theta/Alpha Ratio (TAR):

    • ก่อนทำ PBM: ค่า TAR ที่ไม่สมดุลในสมองส่วนกลางอาจสะท้อนถึงความล่าช้าในการประมวลผลข้อมูล

    • หลังทำ PBM: ค่า TAR เริ่มเข้าสู่สมดุลมากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการพัฒนาความสามารถในการจดจ่อและการผ่อนคลาย

  3. Delta/Alpha Ratio (DAR):

    • ก่อนทำ PBM: พบค่า DAR สูงในบางพื้นที่ ซึ่งอาจสัมพันธ์กับความล่าช้าด้านการพัฒนาการเรียนรู้

    • หลังทำ PBM: ค่า DAR ลดลง แสดงถึงการปรับปรุงการประมวลผลข้อมูลและความตื่นตัวของสมอง

  4. Topomap (Relative Power):

    • Delta และ Theta Bands: การลดลงของ Delta และ Theta หลังทำ PBM ชี้ให้เห็นถึงการลดลงของความเฉื่อยชาหรือการผ่อนคลายเกินไปในสมอง

    • Alpha Bands: การเพิ่มขึ้นของ Alpha Band ในการวัดครั้งที่ 2 และ 3 สะท้อนถึงการเพิ่มความสามารถในการผ่อนคลายและการประมวลผลข้อมูลเชิงบวก

    • Beta Bands: การเพิ่มขึ้นของ Beta Bands (โดยเฉพาะ Beta2 และ Beta3) บ่งชี้ถึงความตื่นตัวและการจดจ่อที่เพิ่มขึ้นหลังการบำบัด

    • Gamma Bands: การปรับปรุงใน Gamma Bands แสดงถึงการพัฒนาด้านการเชื่อมโยงข้อมูลและการคิดเชิงลึก

สรุปผล

การทำ Photobiomodulation (PBM) มีผลเชิงบวกต่อการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในด้านการปรับสมดุลของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับสมาธิ ความจดจ่อ และการประมวลผลข้อมูล

ดู 8 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page